กองทุนบัวหลวง ส่งกองทุนหุ้นน้องใหม่ B-SMEQ เสนอขาย IPO 21-25 ก.พ.นี้ มุ่งลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กที่เป็นดาวเด่นเติบโตระยะยาว เชื่อมั่นศักยภาพการฟื้นตัวของเศษฐกิจไทย
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.) บัวหลวง จำกัด (BBLAM) หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพการฟื้นตัวของเศษฐกิจไทย โดยการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนภาครัฐจะเป็นปัจจัยผลักดันที่สำคัญในปีนี้ ผนวกด้วยภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มจะกลับมา ขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจภายใต้มาตรฐานด้านสาธารณสุขของประเทศที่วางแนวปฏิบัติไว้ก็ดำเนินไปได้ดี
ในสภาวะเช่นนี้เกื้อหนุนให้บริษัทจดทะเบียน(บจ.)มีแนวโน้มเติบโต จึงเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการเข้าลงทุนในหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กซึ่งมีจุดเด่นและน่าสนใจหลายประการ ด้วยเป็นธุรกิจมีโอกาสเติบโตสูง ขนาดองค์กรมีความคล่องตัว ผู้บริหารรุ่นใหม่มีวิสัยทัศน์เปิดรับยุคดิจิทัล จึงรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วได้ดี มีช่องทางจับมือบริษัทขนาดใหญ่เพื่อต่อยอดธุรกิจ
ด้านผลตอบแทนการลงทุน หากเปรียบเทียบข้อมูลจะพบว่าในระยะหลัง FTSE SET Mid/Small Cap ซึ่งเป็นตัวแทนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า SET Index และ SET50 ซึ่งเป็นตัวแทนหุ้นขนาดใหญ่ มาอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงปี 2563 – 2564 ที่ทั่วโลกเผชิญกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนั้นการลงทุนในหุ้นขนาดกลางหรือขนาดเล็กที่สามารถเติบโตได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของ GDP จึงถือเป็นเป้าหมายการลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดในระยะยาว
ด้วยมุมมองดังกล่าว BBLAM จึงพิจารณาจัดตั้ง กองทุนเปิดบัวหลวง Small Mid Equity (B-SMEQ) กองทุนรวมหุ้นไทย ที่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ใช้กลยุทธ์การบริหารเชิงรุกเพื่อคาดหวังผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีหุ้นไทย โดยคัดเลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและขนาดเล็ก และมีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ไม่เกิน 80,000 ล้านบาท ซึ่ง ณ สิ้นปี 2564 มีจำนวนมากกว่า 767 บริษัท ทำให้มีทางเลือกลงทุนที่หลากหลาย ไม่กระจุกตัวในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง
B-SMEQ เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์และเหมาะกับนักลงทุนผู้มองหาการลงทุนในหุ้นไทยซึ่งเชื่อในความสามารถการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและขนาดเล็ก เน้นเพิ่มมูลค่าการเติบโตให้เงินลงทุนในระยะยาว และยอมรับความผันผวนจากการลงทุนในหุ้นได้ โดย B-SMEQ จะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 21-25 กุมภาพันธ์ 2565 ราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหน่วยลงทุน มูลค่าการซื้อขั้นต่ำ 500 บาท พิเศษช่วง IPO คิดค่าธรรมเนียมการขายในอัตรา 0.50% จากปกติ 1.00%
อ้างอิง
https://www.thansettakij.com/money_market