jokesocool

News

พิษสงครามยูเครนดันราคาพลังงานพุ่ง “ธนาคารโลก” หั่นจีดีพีไทยโตแค่ 2.9% จากเดิม 3.9%

นายเบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทยระบุ จากรายงานตามติดเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เดือนเมษายน 2565 เวิลด์แบงก์ ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2565 เป็นเติบโต 2.9% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.9% โดยความเสี่ยงจากภาคต่างประเทศกรณีสงครามยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานที่สูงขึ้น ส่งต่อไปสู่ภาคครัวเรือนทำให้กระทบต่อการบริโภคโดยเฉพาะกลุ่มรายได้ต่ำซึ่งมีค่าใช้จ่านด้านพลังงานสูงเกือบ 50% ของรายได้ รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มเติบโตชะลอลงจากผลกระทบเดียวกัน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็จะเร่งตัวขึ้นตามราคาพลังงาน แต่ยังมองว่าเป็นปัจจัยชั่วคราวที่เกิดจากฝั่งอุปทาน อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์มีความยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากขึ้นหรือมาตรการของภาครัฐส่งผลต่อการใช้จ่ายได้ต่ำกว่าที่คาด ธนาคารโลกมองกรณีแย่จีดีพีเติบโตที่ 2.6%

ขณะที่ด้านปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทยนั้น เป็นกรณีของนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มสูงขึ้นหลังประเทศไทยมีนโยบายผ่อนคลายมากขึ้น โดยคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยในปีนี้ที่ 6.2 ล้านคนแม้จะต่ำกว่าระดับก่อนโควิด แต่ก็อยู่ในทิศทางฟื้นตัวที่ดีขึ้น รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวชัดเจนขึ้น

โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังเป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ยังมีความเปราะบาง และยังมีความไม่เท่าเทียมกันในการฟื้นตัวของแต่ละภาคธุรกิจ บางธุรกิจฟื้นตัวได้ในระดับก่อนโควิดแล้ว แต่ในบางธุรกิจยังอยู่ในระดับต่ำกว่า ดังนั้น มาตรการการเยียวยาผลกระทบของภาครัฐยังมีความจำเป็นแต่ควรเป็นมาตรการที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นในกลุ่มที่มีความเปราะบางและได้รับผลกระทบสูง ทั้งนี้ แม้ว่าภาครัฐจะยังมีพื้นที่ทางการคลังในการดำเนินนโยบายต่างๆได้ แต่พื้นที่ก็แคบลง โดยปัจจุบันหนี้สาธารณะอยู่ในราว60%ของจีดีพีจากเพดานที่ 70% ดังนั้น นอกจากการดำเนินมาตรการด้านการเยียวยาแล้ว ควรมีการปฎิรูปด้านการจัดเก็บรายได้ในอนาคตไปพร้อมๆกันด้วย เพื่อความยั่งยืนทางการคลังในอนาคต

สำหรับนโยบายการเงินนั้น ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะยังคงยืนระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิมที่ 0.50% เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ ขณะเดียวกันก็ไม่ให้กระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนที่ปัจจุบันมีหนี้ครัวอยู่ในระดับที่สูงมากราว 90%ของจีดีพี ซึ่งปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนเป็นสิ่งที่ควรได้รับการดูแลและแก้ไขโดยเร็ว เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว

อ้างอิง
https://siamrath.co.th/economy

You may also like...